แบรนด์สาเก
ใน Aomori
Denshu
"เด็นชู" (Denshu) มีความหมายตามตัวอักษรว่า "สาเกจากท้องนา" เป็นสาเกแบบ Junmai ที่ผลิตจากข้าวที่เก็บเกี่ยวในนาเท่านั้น โดยไม่มีการเติมแอลกอฮอล์หรือน้ำตาล สินค้าพัฒนาขึ้นเป็นเวลา 3 ปีในยุคที่การเติมแอลกอฮอล์ในสาเกเป็นเรื่องปกติ โรงหมักได้ค้นพบเมล็ดพันธุ์ข้าวในตำนานอย่าง "Kojo-nishiki" และประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูผ่านการทำเกษตรพันธสัญญา ซึ่งสายพันธุ์นี้เคยหยุดผลิตไปในปี 1980 เนื่องจากการขยายตัวของข้าว Yamada-nishiki "Denshu Junmai Gingo Kojo-nishiki" ขัดข้าวถึง 50% ให้กลิ่นหอมของกินโจที่นุ่มนวลและรสอูมามิของข้าวที่เข้ากันอย่างลงตัว มีรสสัมผัสที่เบาและสมดุล มีชื่อเสียงจากความหวานที่สดชื่นและความเปรี้ยวที่สะอาด จึงเป็นสาเกยอดนิยมประจำฤดูร้อน
Kikuizumi
"Kikuizumi" เป็นหนึ่งในแบรนด์ของ Nishida Shuzoten ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์อย่าง Daiginjo และ Utou
Sotogahama
"โซโตะกาฮามะ" (Sotogahama) เป็นแบรนด์จัดจำหน่ายจำกัดของ Nishida Shuzoten ตั้งชื่อตามชื่อทางประวัติศาสตร์ของย่านอาบุราคาวะในเมืองอาโอโมริอันเป็นที่ตั้งของโรงหมัก สาเกนี้หมักโดยใช้ข้าว "Hana-fubuki" ของจังหวัดอาโอโมริและน้ำอ่อนจากแหล่งน้ำในเทือกเขา Hakkoda โดเด่นด้วยรสอูมามิของข้าวที่ลุ่มลึกและรสสัมผัสที่เฉียบคมแบบ Dry ในขณะที่ยังสามารถสัมผัสถึงความหวานอ่อนๆ ได้ด้วย "Sotogahama Junmai Gingo Haikara/Monochro" เป็นสาเกที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยพนักงานรุ่นใหม่ในช่วงวัย 20 และ 30 ปี นำโดยคุณ Rikuro Nishida ทายาทรุ่นที่ 6 ในอนาคต โครงการนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การชี้แนะจาก Toji (หัวหน้าผู้หมัก) โดยอาศัยเพียงประสบการณ์และความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาเอง "Haikara" (โครงการรุ่นวัย 30) เน้นแนวคิดแอลกอฮอล์ต่ำที่ 13% ส่วน "Monochro" (โครงการรุ่นวัย 20) มุ่งเน้นไปที่คุณภาพสาเกที่สดใส ขัดข้าวถึง 50% ซึ่งได้มาตรฐานสำหรับการส่งเข้าประกวด Sotogahama คือตัวแทนของ Nishida Shuzoten ที่ต้องการบ่มเพาะบุคลากรรุ่นใหม่และเปิดรับความท้าทายใหม่ๆ ผ่านแบรนด์สาเกนวัตกรรมที่ผลิตออกมาในจำนวนจำกัด
Ajigasawa
"อาจิกาสาวะ" (Ajigasawa) เป็นหนึ่งในแบรนด์ของ Ozaki Shuzo ที่หมักโดยใช้น้ำซับจากเทือกเขาชิราคามิ
Iwakigawa
"อิวากิกาวะ" (Iwakigawa) เป็นหนึ่งในแบรนด์ของ Ozaki Shuzo
Bunanoshirakami
"บุนนะ โนะ ชิราคามิ" (Buna no Shirakami) เป็นแบรนด์ที่ตั้งชื่อตามป่าบีช (Buna) ในเทือกเขาชิราคามิ
Shirakaminokinayu
"ชิราคามิ โนะ คินอายุ" (Shirakami no Kin-ayu) เป็นแบรนด์ที่ตั้งชื่อตามปลาอายุสีทองในลำธารใสของชิราคามิ
Andousuigun
"อันโด สุยกุน" (Andoh Suigun) เป็นแบรนด์เรือธงของ Ozaki Shuzo ชื่อนี้มีที่มาจาก "กองทัพเรืออันโด" ผู้ครอบครองทะเลญี่ปุ่นผู้สร้างความรุ่งเรืองให้แก่เมืองท่า "Tsugaru Tosa-no-Minato" ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 12 ถึงศตวรรษที่ 15 ฉลากโดดเด่นด้วยโทนสีแดงสื่อถึงพระอาทิตย์อัสดงที่ตกสู่ทะเลญี่ปุ่น สะท้อนภาพความยิ่งใหญ่และโรแมนติกของผู้พิชิตแห่งทิศเหนือที่เคยโลดแล่นในท้องทะเลอันกว้างใหญ่
Shirakamisanchinowakimizudeshikondaosake
"สาเกที่หมักด้วยน้ำพุจากเทือกเขาชิราคามิ" เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชื่อบอกที่มาของน้ำที่ใช้เป็นส่วนประกอบหลักจากแหล่งมรดกโลกได้โดยตรง
Shirakaminoshizuku
"ชิราคามิ โนะ ชิซุกุ" (Shirakami no Shizuku) เป็นแบรนด์ที่สื่อถึงหยาดน้ำอันบริสุทธิ์จากเทือกเขาชิราคามิ
Kaminoza
"คามิ โนะ ซะ" (Kami no Za) เป็นแบรนด์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ของเทือกเขาชิราคามิ
Inagawa
"Inagawa" เป็นแบรนด์ของ Hachinohe Shurui Daini Factory ปัจจุบันโรงหมักเลิกกิจการแล้ว
Gonohenodomberi
"โกโนเฮะ โนะ ดงเบริ" (Gonohe no Donberi) เป็นสาเกขุ่นแบบ Junmai มีลักษณะเด่นคือรสหวานสดชื่นและมีรสสัมผัสที่ค่อนข้าง Dry ในตอนท้าย
Gojou
"โกโจ" (Gojo) เป็นหนึ่งในแบรนด์ของ Hachinohe Shurui Gonohe Factory
Sui
"ซุย" (Sui) เป็นหนึ่งในแบรนด์ของ Hachinohe Shurui Gonohe Factory
Jokuu
"โจคิว" (Jokyu) เป็นแบรนด์หลักของ Hachinohe Shurui Gonohe Factory
Kikukoma
"คิคุโคมะ" (Kikukoma) เป็นหนึ่งในแบรนด์ของ Hachinohe Shurui Gonohe Factory
Too
"โท" (Too) เป็นหนึ่งในแบรนด์ของ Hachinohe Shurui Gonohe Factory
Kikukoma
"คิคุโคมะ" (Kikukoma) ตั้งชื่อโดยทายาทรุ่นที่ 4 คุณ Kyujiro Miura โดยนำคำว่า "Kiku" (ดอกเบญจมาศ) ผสมกับ "Koma" (ม้า) ซึ่งเป็นของดีของเมืองโกโนเฮะ ยีสต์ M2 ที่ใช้ที่นี่คือต้นแบบของ "ยีสต์เบอร์ 10 ของสมาคม (Kyokai No. 10)" ที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายในโรงหมักสาเกทั่วญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีลักษณะเด่นคือมีความเป็นกรดต่ำและให้กลิ่นหอมแบบกินโจที่หอมหวาน (กลิ่นผลไม้เหมือนเมลอนหรือกล้วย) ยีสต์เบอร์ 10 มีความเป็นกรด (โดยเฉพาะกรดมาลิก) ต่ำกว่ายีสต์ชนิดอื่นในยุคนั้น และให้กลิ่นหอมสูง จึงเหมาะทั้งสำหรับการผลิตสาเกกินโจที่มีกลิ่นหอมและสาเกจุนไมที่มีรสสัมผัสนุ่มนวล โรงหมัก "Hachitsuru" และ "Kikukoma" ในจังหวัดอาโอโมริถือเป็นต้นกำเนิดของยีสต์เบอร์ 10 ในปัจจุบัน Kikukoma Shuzo ยังคงใช้ยีสต์ "เบอร์ 10" (ที่สืบทอดมาจาก M2) และยีสต์ "M310" ในการผลิตสาเก เพื่อสืบสานเจตนารมณ์และรสชาติจากรุ่นสู่รุ่น
Nebuta
"เนบุตะ" (Nebuta) ตั้งชื่อตามเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุดของอาโอโมริอย่าง "เทศกาลเนบุตะ" กล่องและฉลากโดดเด่นด้วยภาพวาดเนบุตะอันทรงพลังโดยปรมาจารย์ Hiroo Takenami มีลักษณะเด่นคือรสสัมผัสแบบ Dry (Karakuchi) และเบาสะอาต (Tanrei) ซึ่งสื่อถึงพลังและความรวดเร็วว่องไวของเหล่านักเต้น "ฮาเนโตะ" (Haneto) ที่กระโดดไปพร้อมกับเสียงโห่ร้อง "Rassera! Rassera!" สาเกรุ่นนี้ถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่ได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงได้รับรางวัลสูงสุดในหมวด Junmai จากงาน International Sake Challenge ปี 2017 โดดเด่นด้วยความนุ่มนวลที่ช่วยให้สัมผัสได้ถึงรสอูมามิของข้าวแม้จะมีรสสัมผัสที่สะอาดสดชื่นก็ตาม